ขั้นตอนการสั่งของจากอเมริกา

สำหรับบทความนี้เหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบใช้ของจากประเทศอเมริกา ทั้งของกิน ของใช้ต่าง ๆ เราจะมาสอนวิธีการสั่งของจากประเทศอเมริกา (USA) เข้ามานะครับ ว่ามีขั้นตอนการสั่งหรือนำเข้าอย่างไรกันบ้าง

เลือกเว็บไซท์ที่จะสั่ง 

สำหรับขั้นตอนแรกคุณจะต้องเลือกก่อนว่าจะสั่งของจากเว็บไซท์ไหน ซึ่งในประเทศอเมิกาจะมีเว็บไซท์ E-Commerce ใหญ่ๆ หลายเจ้า และมีของต่างๆ มากมาย เราแนะนำว่าให้ท่านลองเปรียบเทียบราคาดูว่า เจ้าไหนให้เรทราคาดีที่สุด หรือมีโปรโมชั่นดีที่สุด

Amazon.com 

ร้านค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีของทุกอย่างเยอะมากๆ ทั้ง ของใช้ในบ้านเรือน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่ามีของแทบจะทุกอย่างบนโลก สำหรับ Amazon.com การจัดส่งส่วนใหญ่จะจัดส่งมาทาง UPS 

walmart.com

จากเดิม Walmart จะเป็นร้านค้าปลีกที่มีสาขาเป็นจำนวนมาก และมีอยู่ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเมื่อโลกเข้าสู่โลกยุคดิจิตอล Walmart ก็มีเว็บไซท์ E-Commerce เช่นเดียวกัน สามารถสั่งและส่งมายังประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน ในส่วนของสินค้า ก็จะมีเยอะมาก ๆ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในบ้านเรือนต่างๆ เป็นต้น

e-Bay.com

เว็บไซท์ประมูลสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีสินค้าจำนวนมากนำมาออกประมูลให้แก่ผู้ที่สนใจได้ประมูลกันมีสินค้าแทบทุกชนิดหากเพื่อนๆสนใจสินค้าหายากสามารถลองมาหาดูได้ที่E-Bay.com

การจัดส่งสินค้า

เมื่อคุณได้เลือกและสั่งสินค้าออนไลน์ตามเว็บไซท์ต่างๆ แล้วต่อมาก็จะเป็นขั้นตอนการจัดส่งสินค้า ซึ่งจะมีวิธีการสั่งหลักๆ ด้วยกัน 2 แบบ คือ

1. ส่งโดยขนส่งของเว็บไซท์ E-Commerce โดยตรงมาที่ประเทศไทยโดยใช้ที่อยู่ของเราในการรับของ สำหรับวิธีนี้จะมีข้อดีคือ ของจะถูกจัดส่งโดยตรงจากเว็บไซท์ ไม่ต้องไปที่โกดังชิปปิ้งก่อน แต่จะมีข้อเสียคือผู้ให้บริการส่งสินค้ามักจะสำแดงราคาสินค้าตรงๆ ทำให้เสียภาษีและค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่อนข้างสูง นอกจากนี้หากเป็นพวกอาหารเสริม หรือของอื่นที่ติดใบอนุญาต อาจจะไม่สามารถเคลียร์ได้และต้องทิ้งของ
2. ส่งโดยผู้ให้บริการชิปปิ้งจัดส่งสินค้า มีขั้นตอนคือ เราจะสั่งสินค้าจากเว็บไซท์ E-Commerce ในประเทศอเมริกาให้ไปส่งยังโกดังชิปปิ้งที่เราใช้บริการในประเทศอเมริกา จากนั้นชิปปิ้งจะดำเนินการส่งสินค้าจากประเทศอเมริกามายังประเทศไทย รวมถึงเคลียร์ภาษีและผ่านพิธีการทางศุลการโดยตรง มีข้อดีคือ สะดวก และส่วนใหญ่จะคิดค่าใช้จ่ายเป็นแบบกิโลกรัม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนข้อเสียคือ อาจจะเสียเวลาเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย เพราะว่า จะต้องส่งสินค้าไปที่โกดังในประเทศอเมริกาก่อน เพื่อรวมให้ได้จำนวนจากนั้นจึงค่อยส่งกลับมายังประเทศไทย

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับบทความดีๆ จาก JP Cargo Service หากเพื่อนๆ เห็นว่ามีประโยชน์อย่าลืมกดแชร์ให้ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้เขียนครับ